สะเก็ดดาว(อุลกมณี)ทรงเกือกม้า (34กรัม,4.8x3.2x1.4ซม.)

ชื่อหิน : สะเก็ดดาวไทย  (Indochinite Tektite)

น้ำหนัก : 34 กรัม

ขนาด : 4.8x3.2x1.4ซม.
รูปทรงนี้ : เป็นชิ้นส่วนเปลือกนอกด้านหนึ่งของสะเก็ดดาวชิ้นใหญ่ ที่เมื่อกำลังตกถึงพื้นโลกได้มีการเสียดสีของชั้นบรรยากาศจนถึงแกนกลางที่เป็นสูญญากาศ ทำให้เกิดการระเบิดของชิ้นนั้น ชิ้นส่วนแต่ละชิ้นก็แตกกระจายก่อนถึงพื้นโลกในระยะห่างพอสมควรที่พอที่สร้างผิวการเสียดสีของบรรยากาศในผิวที่แตกจนได้ผิวใหม่ขึ้นมา หากผิวที่แตกโดยไม่ได้รับการเสียดสีนั้น ผิวจะมันเงาคล้ายกระจกเงา เพราะโครงสร้างของสะเก็ดดาวกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่เป็นซิลิกา ซึ่งสะเก็ดดาวชิ้นนี้

และหากก้อนใดมีหินติดสีน้ำตาลเป็นอีกจุดเด่นของชิ้นนั้น หินที่ติดคืออะไร : ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าดินที่ติดกับสะเก็ดดาวคือดินบนโลกที่มีลักษณะคล้ายดินเหนียว เมื่อตอนที่อุกกาบาตชนกับโลก ทรายและดินบางส่วนที่ติดกันหรือมีการผสมกันระหว่างการชน กระเด็นขึ้นไปและตกลงมา ได้รับแรงเสียดสีของอากาศที่มีความร้อนสูง ทำให้ดินกลายเปลี่ยนสภาพ คล้ายดินเผา ซึ่งตัวนี้เองเป็นจุดสำคัญที่ใช้วัดอายุของสะเก็ดดาวว่าเกิดเมื่อราวประมาณ 7 แสนปีมาแล้ว

สะเก็ดดาวโปร่งแสงเป็นสะเก็ดดาวที่ดูจากภายนอกเป็นสีดำ หากส่วนไหนหรือชิ้นไหนที่มีความบางแล้ว เราจะสามารถส่องแสงผ่านเนื้อสะเก็ดดาวได้ สีที่เห็นจะเป็นสีออกสีชาสีเหลืองอาจถึงสีอมเขียว หรือบางคนเรียกสีเฉาก๊วย สีงามมากเหมือนเราเองได้มองถึงห่วงจักรวาลภายในเนื้อสะเก็ดดาว และเป็นอีกตัวที่บอกได้ว่าสะเก็ดดาวนี้ของแท้หรือไม่้ หากสะเก็ดดาวของแท้นั้น ในชิ้นที่มีส่วนบางๆ หรือขอบบาง เมื่อส่องกับแสงแล้วจะออกเป็นสีเหลือง สีชานั้นเอง

แหล่งที่พบ: ภาคอีสาน ประเทศไทย

อายุ : ประมาณ 7 แสนปี

สภาพ : สะเก็ดดาวจากธรรมชาติ 100% ไม่มีการผ่านกรรมวิธีใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากการทำความสะอาด

รายละเอียดสินค้า

สะเก็ดดาว คือวัตถุที่มาจากนอกโลก มีหลายชื่อตามที่มาและการพบเห็น เช่น อุลกมณี แก้วข้าว คตปลวก พลอยจันทรคราสหรือ หินจันทรคราส มหานิล แก้วดำ หยดน้ำฟ้าหรือมณีหยาดฟ้า เหล็กไหลต่างดาวและ ภาษาอังกฤษเรียก Tektite มาจากคำว่า Tektos ในภาษากรีก แปลว่า หลอมละลาย

ชนิดของสะเก็ดดาว

ขึ้นกับพื้นที่พบเจอ ถ้าเป็นบ้านเราจะเรียกว่า Indochinite Tektite หรือ Thailandite Tektite จะเป็นชนิดสีดำชนิดแต่เมื่อนำมาส่องกับแสงในส่วนที่บาง (ก้อนทึบไม่สามารถมองเห็นได้) จะเห็นเป็นสีชาอมเหลือง ไปถึงเขียว และแต่ละก้อนจะมีเอกลักษณ์ความสวยงามแตกต่างกัน และสะเก็ดดาวอีกชนิดที่มีชื่อเสียงมากเพราะหายาก และมีความสวยงามคือ Moldavite เป็นสะเก็ดดาวสีเขียวตกที่ประเทศเชคโกสโลวาเกีย ตกประมาณ 14.7 ล้านปั

องค์ประกอบทางเคมีของสะเก็ดดาว เป็น แก้ว ซิลิกา 68-80 % อะลูมินา 10-16 % ออกไซด์ของเหล็ก แคลเซี่ยม โซเดียม โปแตสเซี่ยมและธาตุอื่นๆอีกเล็กน้อย

คุณสมบัติของสะเก็ดดาว

สะเก็ดดาว เรียกว่าเป็นหินนำโชคแก่ผู้ที่มีไว้กับตัว อีกทั้งยังสามารถ ใช้ป้องกันคุณไสยมนต์ดำ ภูตผีปีศาจต่างๆมิให้มากล้ำกรายได้ด้วย เป็นวัตถุที่เกิดจากปรากฏการณ์ธรรมชาติ มีพลังงานสะสมอยู่มหาศาล จึงอาจเรียกได้ว่ามีฤทธิ์ในตัว เมื่อนำมาประกอบด้วยกรรมวิธีที่ถูกต้อง จึงทำให้มันสามารถสลายพลังงานเชิงลบ (สิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย) ไปได้ และเนื่องจากเป็นวัตถุที่มีสีดำสนิท จึงทำให้มันสามารถ ดึงดูดพลังที่ดี ๆ เข้ามา อีกทั้งยังส่งเสริม (ให้พลัง) เชิงบวกแก่วัตถุอื่น ๆ ให้มีพลังสูงขึ้นได้อีกด้วย นับเป็นวัตถุที่เหนือกว่าวัตถุอื่นใดในโลก ที่บันดาลสิ่งดีๆแก่ผู้ครอบครองได้ และยังส่งเสริมให้ชีวิตเจริญขึ้น เสริมเสน่ห์ชักจูงให้ผู้อื่นรักใคร่นับถือ เรียกว่ากลับร้ายกลายเป็นดี ทวีลาภเลยทีเดียวหรือกล่าวได้ดังนี้ :

เป็นแหล่งของพลัง กระตุ้นเตือนจิตสำนึก ก่อให้เกิดความจดจำที่แม่นยำ ลึกซึ้งหากนำมาใช้ตอนปฏิบัติทำสมาธิจิต

การพกพาไว้กับตัวจะเป็นการเพิ่มพลังแก่ออร่ารอบตัว ทำให้ออร่าเข้มเข็ง มั่นคง ปกป้องคุ้มครองและขับไล่สิ่งที่มารุกราน ขจัดปัดเป่าสิ่งเลวร้าย

มีความเชื่อว่าการเก็บสะเก็ดดาว(สะเก็ดดาว)ไว้ในบ้าน จะช่วยป้องกันอัคคีภัย และภัยพิบัติต่าง ๆ ได้

ในบางตำรากล่าวว่า ถ้านำมาบูชาร่วมกับไม้งิ้วดำและข้าวสารดำ จะให้อานุภาพเป็นมหาอุด แคล้วคลาด และเมตตาสูงมาก