เกลือ จัดเป็นเครื่องปรุงรสที่ต้องมีติดครัวกันแทบทุกบ้าน ส่วนใหญ่แล้ว เราจะคุ้นเคยกับเกลือทะเลและเกลือสินเธาว์สีขาว แต่ในปัจจุบันมีเกลืออีกชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนรักสุขภาพ นั่นคือ เกลือหิมาลัย หรือ เกลือหิมาลายัน บางคนอาจเรียกว่า เกลือสีชมพู ที่ว่ากันว่ามีแร่ธาตุเยอะ และดีกว่าเกลือทั่วไปที่เราเคยใช้กัน แล้วมันจริงหรือไม่ เราไปหาคำตอบกับ Hello คุณหมอ กันเลย
ทำความรู้จักกับเกลือหิมาลัย
เกลือหิมาลัย หรือเกลือหิมาลายัน มีแหล่งกำเนิดอยู่ที่เทือกเขาหิมาลัยในประเทศปากีสถาน มีสีชมพูเพราะมีไอเอิร์นออกไซด์ (Iron oxide) เป็นส่วนประกอบ เกลือหิมาลัยจัดว่าเป็นเกลือบริสุทธิ์ เชื่อกันว่าเกิดจากการระเหยและตกผลึกของน้ำทะเลยุคโบราณเมื่อหลายล้านปีก่อน ผ่านการสกัดด้วยมือและไม่มีการเติมสารเคมีหรือสารปรุงแต่งใดๆ จึงเป็นธรรมชาติและมีแร่ธาตุมากกว่าเกลือที่ใช้กันอยู่ทั่วไป นอกจากจะใช้ประกอบอาหารแล้ว เกลือหิมาลัยยังนิยมนำมาทำเป็นโคมไฟหรือสร้างเป็นถ้ำเกลือหิมาลัยเพื่อช่วยขจัดเชื้อโรคในอากาศ ทำให้ปอดมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย
ประโยชน์สุขภาพอันโด่งดังของเกลือหิมาลัย
หลายคนเชื่อว่าการบริโภคเกลือหิมาลัยเป็นประจำจะช่วยให้สุขภาพดีขึ้น เพราะมีประโยชน์มากมาย ดังนี้
• ช่วยรักษาระดับของเหลวในร่างกาย
• ช่วยปรับสมดุลค่าความเป็นกรดด่าง (pH balance) ในเซลล์ โดยเฉพาะเซลล์สมอง
• ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และชะลอวัย
• ช่วยดูดซึมอนุภาคอาหาร (food particles) ในลำไส้
• ช่วยให้สมอง กล้ามเนื้อ และระบบประสาททำงานได้ดีขึ้น
• ช่วยให้ระบบทางเดินหายใจ รวมถึงสุขภาพไซนัสดีขึ้น
• ช่วยควบคุมความดันโลหิต
• ช่วยให้กระดูกแข็งแรง
• ป้องกันไม่ให้เป็นตะคริว
• กระตุ้นความต้องการทางเพศ
• ช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง
ช่วยให้นอนหลับสนิท
แม้ประโยชน์บางข้อจะยังไม่มีผลการศึกษาวิจัยที่ออกมายืนยันว่าเป็นความจริงหรือไม่ แต่ก็ทำให้เกลือหิมาลัยได้รับความนิยมแพร่หลายขึ้นในปัจจุบัน
เกลือหิมาลัยดีกว่าเกลือบริโภคทั่วไปจริงหรือ
หลายคนเชื่อว่าเกลือหิมาลัยมีประโยชน์สุขภาพมากมาย เพราะมีแร่ธาตุและสารอาหารรองมากถึง 84 ชนิด มีปริมาณโปแตสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม และเหล็กมากกว่าเกลือทั่วไป แต่มีปริมาณโซเดียมน้อยกว่า คือ ในปริมาณ 1 กรัมเท่ากัน เกลือทั่วไปมีโซเดียม 381 มิลลิกรัม ส่วนเกลือหิมาลัยโซเดียมน้อยกว่า คือ 368 กรัม นอกจากนี้ เกลือบริโภคทั่วไปบางยี่ห้อมีสารป้องกันการจับตัวเป็นก้อนที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย เกลือหิมาลัยซึ่งเป็นเกลือธรรมชาติจึงอาจปลอดภัยและดีต่อสุขภาพมากกว่า
ข้อควรระวังในการบริโภคเกลือหิมาลัย
ได้รับไอโอดีนไม่เพียงพอ
ไอโอดีน คือแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการเพื่อให้อวัยวะส่วนต่างๆ ทำงานได้อย่างเป็นปกติ เกลือหิมาลัยนั้นมีปริมาณไอโอดีนน้อยกว่าเกลือป่นที่บริโภคกันทั่วไป ผู้ที่หันมาบริโภคเกลือหิมาลัยจึงอาจได้รับไอโอดีนไม่เพียงพอที่ร่างกายต้องการ และควรเสริมไอโอดีนด้วยการกินอาหารทะเล เช่น กุ้ง หอย สาหร่าย รวมไปถึงผลิตภัณฑ์จากนม เพื่อป้องกันการขาดสารไอโอดีน (Iodine Deficiency)
ได้รับโซเดียมมากเกินไป
แม้โซเดียมจะเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่หากได้รับโซเดียมมากเกินไป ก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้เช่นกัน ทั้งผู้ที่แพทย์วินิจฉัยว่าควรควบคุมการบริโภคโซเดียมและผู้ที่ร่างกายแข็งแรงปกติไม่ควรบริโภคโซเดียมเกินที่ร่างกายต้องการ นั่นคือ ควรบริโภคน้อยกว่า 2,300 มิลลิกรัม ซึ่งเทียบเท่ากับเกลือป่นประมาณ 1 ช้อนชาต่อวัน อย่างไรก็ตาม แม้จะยังไม่มีผลยืนยันแน่ชัดว่าเกลือหิมาลัยดีกว่าเกลือทั่วไป แต่เกลือหิมาลัยก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ไม่อยากบริโภคเกลือทั่วไปเพราะกลัวใส่สารเคมีหรือสารปรุงแต่ง แม้จะมีราคาแพงกว่าเกลือทั่วไปก็ตาม Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ขอขอบคุณ
ข้อมูล :เนตรนภา ปะวะคัง
-------------------------------------
มีแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ถึง 84 ชนิด เป็นผลึกหินเกลือบริสุทธิ์ มีอายุกว่า 250 ล้านปี
• เป็นยาปฏิชีวนะธรรมชาติ ฆ่าเชื้อไวรัส จุลินทรีย์ตัวร้าย เชื้อรา และเชื้อโรคอื่นๆ
• ช่วยระบบทางเดินหายใจ รวมถึงบรรเทาอาการไซนัส โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ
• บรรเทาอาการกรดไหลย้อน ปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องผูก ท้องร่วง
• เป็นสารสร้างประจุไฟฟ้า ช่วยให้อวัยวะต่างๆของร่างกายทำงานได้อย่างปกติ
• ควบคุมน้ำใน-นอกเซลล์ให้สมดุล ร่างกายไม่บวมน้ำ รักษาระดับของเหลวในร่างกาย
• ช่วยปรับค่าความเป็นกรด ด่าง ของร่างกาย (pH balance) ให้สมดุล
• เป็นสารให้พลังงาน ให้ความสดชื่น ไม่เหนื่อย และช่วยให้นอนหลับได้สนิทขึ้น
• ป้องกันกล้ามเนื้อเกร็ง อาการตะคริว และอาการปวดกล้ามเนื้อตามร่างกาย
• ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี ปรับระบบความดันโลหิตให้เหมาะสมกับร่างกาย
• ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด หลอดเลือดแข็งแรง ยืดยุ่น
• ช่วยระบบย่อยอาหาร ช่วยการดูดซึมสารอนุภาคอาหาร (food particles) ในลำไส้
• ช่วยขับสารพิษ ต้านอนุมูลอิสระ ดีท็อก ขจัดโลหะหนักออกจากร่างกาย ชะลอวัย
• ส่งเสริมการสร้างฮอร์โมนเพศ ทั้งหญิงและชาย กระตุ้นอารมณ์ทางเพศ
• รักษาผิวแห้ง เก็บกักความชุ่มชื้น ลดความมันส่วนเกินบนใบหน้า ลดสิว
• ช่วยให้เส้นผมชุ่มชื้น ไม่แห้งกรอบ ควบคุมความมันบนหนังศีรษะได้
• ช่วยให้กระดูกแข็งแรงและบรรเทาอาการปวดข้อทุกชนิด
• มีโซเดียมน้อยกว่าเกลือทั่วไป ผู้ป่วยความดัน โรคหัวใจ โรคไตสามารถทานได้ควรทานในปริมาณที่เหมาะสม
• ชดเชยเกลือแร่ที่สูญเสียไปในการออกกำลังกาย ให้ร่างกายสดชื่นฟื้นตัวเร็ว
• นำมาประกอบอาหารหรือเครื่องดื่ม ได้รสชาติอาหารและเครื่องดื่ม อร่อยขึ้น กลมกล่อม