ในสมัยอยุธยาตอนปลาย ลาลูแบร์ ราชทูตชาวฝรั่งเศสได้บันทึกไว้ว่า.....
"ชาวสยามสวมแหวนที่นิ้วท้ายๆ (คือนิ้วกลาง นิ้วนาง และนิ้วก้อย) ของมือทั้งสองข้าง และสมัยนิยมอนุญาตให้สวมสอดได้มากวงเท่าที่จะมากได้ เขาอาจปลงใจซื้อแหวนเพชรก็ได้ในราคาถึงวงละตั้งครึ่ง เอกิว ซึ่งในกรุงปารีสจะมีราคาเพียง 2 ซอลเท่านั้น" ...มีบันทึกในช่วงสมัยรัชกาลที่ 4 กล่าวว่า สตรีในราชสำนักนิยมสวมแหวนเกือบ ทุกนิ้วทั้งสองมือ ยกเว้นนิ้วโป้งกับนิ้วก้อยทั้ง 2 มือ ประเภทของแหวนที่นิยมใส่ กัน เช่น แหวนเพชร แหวนรังแตน - ตัวเรือนทำด้วยทองคำปรุลายรูปหกเหลี่ยม ติดๆ กัน แหวนมณฑป - แหวนทับทิมทำหัวเป็นยอดแหลม 1-2 ชั้นขึ้นไป ยอดฝัง ทับทิมเม็ดเดียว ขุนนางและข้าราชการนิยมสวมแหวนที่นิ้วชี้และนิ้วก้อย นิ้วชี้ นิยมสวมแหวนเพชรตัวเรือนเป็นทองคำ หัวฝังเพชรเม็ดใหญ่ นิ้วก้อยนิยมใส่ แหวนรังแตน
ชาวบ้านในสมัยนั้นชอบใส่แหวน ปลอกมีดทำด้วยทองเกลี้ยงๆ นอก จากนี้ยังสวมแหวนพลอย
แหวนงู - หัวแหวนทำเป็นรูปงู แลบลิ้นได้ ที่หัวฝังเพชร เม็ดเล็กๆ ประดับตาด้วยเม็ดพลอย วงแหวนเป็นตัวงูหางยาวโค้งมาจรดใกล้กับส่วนหัว
แหวนแมลงปอ - หัวแหวนเป็นตัวแมลงปอ ตาฝังเพชร
ส่วนผู้ชายจะสวมแหวนเครื่องที่เรียกว่า "แหวนพิรอด" ซึ่งถักด้วยด้ายผ้ายันต์ หรือด้ายดิบหรือ แหวนพระถ้าเป็นผู้ที่มีฐานะร่ำรวย ก็ทำด้วยทองคำเป็นเส้นถัก ประสานขึ้นเป็นหัว สูงขึ้นมา คนหนุ่มๆ ยังนิยมใส่ "แหวนปลอกมีด" เป็นแหวนทองเกลี้ยง อาจฝัง เพชรพลอยสามเม็ดห่างๆ กัน หรือสวม "แหวนตรา" - แหวนโลหะทำหัวเป็นรูปสี่ เหลี่ยมผืนผ้ามีลายรูปสัตว์ใน 12 ราศี หรือ 12 นักษัตร ใครเกิดปีใดก็ใส่แหวนหัว รูปสัตว์นั้นๆ
สำหรับแหวนนพรัตน์ที่ในสมัยโบราณใช้ได้เฉพาะกษัตริย์หรือขุนนางผู้ใหญ่ และมักจะสวม ในพิธีมงคล คือการตัดจุกและเจิมจุณเครื่องหอมนั้นสมัยต่อมาผู้มีบรรดาศักดิ์ต่างๆ หรือ ชาวบ้านที่มีฐานะก็ได้ทำขึ้นใช้ในการมงคล แต่จะผิดแผกแตกต่างกันที่ลักษณะการลงยา ไม่มีเพชรประดับข้างและมีขนาดเล็กกว่า
ประเด็นที่ว่า คนไทยนิยมสวมแหวนที่นิ้วไหนนั้น? สันนิษฐานว่าน่าจะเป็น "นิ้วก้อย" เพราะมีคำพูดที่พูดกันติดปากว่า "แหวนประดับก้อย" และในเรื่องขุนช้างขุนแผนได้มี กลอนกล่าวไว้ว่า "ขุนแผนถอดแหวนออกจากก้อย เพชรประดับวงน้อยออกส่งให้" การสวมแหวนในลักษณะดังกล่าวยังคงนิยมกันในยุคต่อมาจนกระทั่งถึงสมัยรัชกาลที่ 6 ความนิยมในแหวนงู แหวนแมลงปอ แหวนมณฑป ได้หายไป กลายเป็นแหวนฝังอัญมณี เม็ดเดียวที่เราเรียกกันว่า "แหวนหัว" แทน
Cr. นิตยสาร"พลอย"
ขอขอบคุณ เจ้าของภาพจากอินเตอร์เน็ต
บทความจากเพจ Jankapore