ศิวะลึงคัม (Shiva Lingam) เป็นสัญลักษณ์ความอุดมสมบูรณ์
หินแห่งความเชื่อใรศาสนาฮินดู เป็นองค์แทนพระศิวะ พบในแม่น้ำนาร์มาดา(Namada) เมืองมัทยาภราเดช (Madhya Pradesh) ประเทศอินเดีย
ศาลิครัมเป็นก้อนหินธรรมชาติ ลวดลายสีน้ำตาลสลับเหลือง บ้างมีสีดำ ก็มีบางทีพราหมณ์บางคณะอาจเรียก หินศิวะลึงค์ "ชิวะลิงคัม" เป็นหินในแม่น้ำนาร์มาดา (Narmada) เมืองมัทยา ภราเดช (Madhya Pradesh) ประเทศอินเดีย ซึ่งจะนิยมที่มีจุดแดงตรงยอดจะถือว่าขลังเป็นพิเศษโดยเทียบกับการเจิมของพระศิวะ หินศักดิ์สิทธิ์นี้สัณฐานจะรีเหมือนรูปไข่ บ้างมีลายเหมือนต้นไม้ ถ้ายิ่งมีลายเป็นต้นไม้มากยิ่งนับถือกันมาก บ้างก็นิยมสีดำถือว่าหายากและเป็นมงคลมากมีพลังงานสูงในการป้องกัน
ตำนานของหินศาลิครัมสืบมาจากตำนานของไม้ตุลสิ กล่าวคือเมื่อนางตุลสิถูกพระลักษมีสาปเป็นต้นไม้ไปแล้ว พระนารายณ์ก็มีพระหฤทัยสงสารนางผู้ภักดียิ่งยวดต่อพระองค์ จึงแปลงพระรูปเป็นหินศาลิครัมมาอยู่ด้วยกับนางไม้ตุลสิเสมอไป หินศาลิครัมจึงนับเข้าในอวตารของพระนารายณ์
พราหมณ์ทุกคนต้องมีหินศาลิครัมไว้ประจำสกุล และถือเป็นทรัพย์มรดกชิ้นหนึ่งที่ต้องมอบให้แก่บุตรหลานต่อ ๆ ไป โดยไม่ให้ตกไปเป็นของผู้อื่นได้เลย คัมภีร์อาถรรพเวทกล่าวไว้ว่าเคหะพราหมณ์ผู้ใดปราศจากหินศาลิครัมแล้วเคหะผู้ นั้นย่อมโสโครกเหมือนป่าช้า และอาหารที่ประกอบขึ้นในเคหะนั้นก็สกปรกเหมือนรากหมาก
น้ำแช่หินศาลิครัมนับถือกันว่าเป็นน้ำมนต์ขลังที่สุด ใครได้รับประทานจะทำให้ความบาปหมดสิ้นไป ถึงซึ่งความสุขและประกอบแต่สิ่งที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรมเสมอ เมื่อตายไปก็จะได้สวรรค์สมบัติเป็นบรมสุขแต่ทว่าก่อนดื่มน้ำมนต์นั้นตนจะ ต้องไม่ลืมออกวาจาสรรเสริญพระวิษณุว่า
“ข้าแต่พระนารายณ์ พระองค์เป็นผู้ครองโลก ความบันเทิงของพระองค์ ก็คืออวยพรให้แด่สรรพสัตว์ ข้าพระเจ้าขอดื่มน้ำล้างพระบาทพระองค์เพื่อให้ข้าพระเจ้าบริสุทธิ์ปราศจาก ความบาปทั้งปวง ขอพระองค์ได้โปรดยกโทษข้าพระเจ้าผู้บาปมหันต์ด้วยเถิด”
อ้างอิง http://www.ounamilit.com
----------------------------------------------------
เป็นตามธรรมชาตินั้น โยคีแต่โบราณกล่าวว่า มันเกิดจากอำนาจของพระเป็นเจ้าบันดาล ผู้ได้มีไว้ย่อมถือว่าเป็นบุญลาภวาสนาของผู้นั้น อำนาจของศิวลึงค์หรือลิงคัมตามธรรมชาติมีอำนาจนานัปประการ มีพลังเหนือธรรมชาติ
ตามตำนานในเรื่อง รามายณะ หรือ รามเกียรติ์ เล่าไว้ตอนหนึ่งว่า อสูรชื่อ ตรีบุรำ เที่ยวเกะกะระรานชาวบ้าน จนเดือดร้อนไปทั้งสามโลก พระเป็นเจ้ามีบัญชาให้พระนารายณ์กำจัดเสีย แต่พระนารายณ์ก็ไม่สามารถทำอันตรายใดๆได้ เพราะอสูรตรีบุรำทูลศิวลึงค์ไว้เหนือศีรษะของตน พระนารายณ์จึงใช้กลลวงไปชิงเอาศิวลึงค์มาจากอสูรเสียก่อน จากนั้นจึงสังหารได้
อำนาจของศิวลึงค์ตามกล่าวมานี้ ย่อมมีอำนาจในการพิทักษ์รักษาชีวิต มิให้ต้องด้วยสรรพาวุธทั้งหลายและปราศจากอันตรายทั้งปวง
เครื่องหมายแห่งอำนาจและความสำเร็จน้อยคนที่จะรู้ว่า ในหลากหลายหน่วยงานและหลากหลายธุรกิจ มีการนำเอาสัญลักษณ์ศิวลึงค์มาเป็นลัญลักษณ์ทางการค้า หรือตราแห่งเกียรติยศ อำนาจของศิวลึงค์ที่ถูกซ่อนไว้นี้แสดงถึงความเชื่อของนักบริหารธุรกิจ ที่เชื่อว่าศิวลึงก์จะสามารถสร้างความเจริญให้แก่องค์กรของตนได้ หรือเชื่อในอำนาจของศิวลึงค์ที่จะปกป้องคุ้มครอง และทำให้หน่วยงานของตนเป็นที่เกรงขาม มีอำนาจเหนือหน่วยงานอื่นและบุคคลทั้งหลายโดยทั่วไป มีอำนาจเหนือกว่าคู่แข่งทางธุรกิจของตน และนำมาซึ่งผลกำไรอันมหาศาล นำมาซึ่งความสำเร็จอย่างสูงสุดของธุรกิจการงาน
เนื่องจากการบูชาศิวะลึงค์นั้น สำหรับผู้นับถือศาสนาฮินดูย่อมเชื่อว่า เป็นการบูชาพระศิวะพระเป็นเจ้าของพวกเขา ดังนั้นการได้กราบไหวศิวะลึงก์นั้นเขาเชื่อว่าเป็นการได้บุญอย่างยิ่ง
อำนาจจากพระศิวะนั้นสามารถต่ออายุผู้ที่ใกล้สิ้นใจ สามารถรักษาอาการไข้ที่เป็นมานาน สามารถบันดาลให้พ้นจากความยากจน ทั้งสามารถป้องกันภูติผีปีศาจ ไสยศาสตร์มนต์ดำทุกชนิด และแม้เมื่อสิ้นใจไปแล้วก็ย่อมไปอยู่กับพระศิวะ ย่อมไม่ตกลงสู่อบายภูมิ อิทธิฤทธิ์ของศิวะลึงค์นั้นเกินกว่าบรรยาย ทั้งนี้ผู้ที่ศรัทธาในศิวะลึงค์ต้องเชื่อและศรัทธาในพระศิวะด้วย การบูชาศิวลึงก์นั้น ชาวฮินดูจะสรงน้ำนม แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด เอาผงแดงสำหรับเจิมหน้าผากมาเดิมให้ พร้อมทั้งกล่าวคำภาวนาซ้ำๆ ว่า"โอม นมัส ศิวาย...โอม นมัส ศิวาย...โอม นมัส ศิวาย..." ถือว่าเป็นการได้บุญกุศลอย่างยิ่ง และยังสามารถเพ่งศิวลึงก์ เพื่อทำสมาธิเป็นประจำทุกวัน แล้วสวดมนต์ขอพรต่อพระศิวะ ให้เข้าถึงบารมีอันยิ่งใหญ่แห่งองค์พระศิวะได้อีกด้วย
คนอินเดียนิยมปูชาศิวลึงค์มาก เพราะสามารถดลบันดาลให้ได้รับโชคลาภเงินทองคุ้มกันบ้านเรือนได้
หน้าที่เข้าชม | 2,383,033 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,204,358 ครั้ง |
เปิดร้าน | 6 ก.พ. 2562 |
ร้านค้าอัพเดท | 5 ก.ย. 2568 |